เมนู

12. ตติยนาควิมาน


ว่าด้วยตติยนาควิมาน


บุรุษผู้เป็นบัณฑิตถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[62] ใครหนอมีช้างเผือกปลอดเป็นยานทิพย์
มีดนตรีประโคมกึกก้อง เขาฉลองกันอยู่ในอากาศ
ท่านเป็นเทวดาหรือคนธรรพ์ หรือเป็นท้าวสักกะผู้ให้
ทานในกาลก่อน พวกเราไม่รู้ ขอถามท่าน พวกเรา
จะรู้จักท่านได้อย่างไร.

เทพบุตรกล่าวว่า
เราไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่คนธรรพ์ ไม่ใช่ท้าว
สักกะผู้ให้ทานในกาลก่อน ข้าพเจ้าเป็นเทพองค์หนึ่ง
ในบรรดาเหล่าเทพที่ชื่อสุธัมมา.

บุรุษผู้เป็นบัณฑิตถามว่า
เราทั้งหลายกระทำอัญชลีกรรมอย่างใหญ่ ขอ
ถามเทพพวกสุธัมมา คนทำกรรมอะไรในมนุษยโลก
จึงจะเข้าถึงเทพพวกสุธัมมา.

เทพบุตรกล่าวว่า
ผู้ใดถวายอาคารอ้อย อาคารหญ้า และอาคาร

ผ้า หรือถวายอย่างใดอย่างหนึ่ง ในสามอย่างนั้น
ผู้นั้นย่อมเข้าถึงเทพพวกสุธัมมา.

จบตติยนาควิมาน

อรรถกถาตติยานาควิมาน


ตติยนาควิมาน มีคาถาว่า โก นุ ทิพฺเพน ยาเนน เป็นต้น.
ตติยนาควิมานเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์
สมัยนั้น พระเถระขีณาสพ 3 องค์ เข้าจำพรรษาในอาวาสใกล้หมู่บ้าน
ครั้นออกพรรษาปวารณาแล้ว พระเถระเหล่านั้นประสงค์จักถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงเดินทางมุ่งกรุงราชคฤห์ ในระหว่างทาง ถึงที่
ใกล้ไร่อ้อยของพราหมณ์มิจฉาทิฏฐิ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเวลาเย็น
ถามคนเฝ้าอ้อยว่า พ่อคุณ วันนี้อาจถึงกรุงราชคฤห์ไหน คนเฝ้าอ้อย
กล่าวว่า ไม่อาจดอก ขอรับ กรุงราชคฤห์อยู่ห่างจากที่นี้กึ่งโยชน์ นิมนต์
ท่านทั้งหลายอยู่ในที่นี้แหละ พรุ่งนี้ค่อยไป พระเถระถามว่า พ่อคุณ
ที่นี้มีอะไร ๆ ที่พอจะทำเป็นที่อยู่ได้บ้างเล่า. ไม่มี ขอรับ แต่กระผมจัก
จัดที่อยู่ถวายพวกท่าน พระเถระทั้งสามรับนิมนต์.
คนเฝ้าอ้อยนั้นผูกท่อนไม้เป็นมณฑปกิ่งไม้ ในไร่อ้อยที่ยืนต้นอยู่
อย่างเดิมนั่นแหละ ใช้ใบอ้อยมุงข้างบน ลาดฟางข้างล่าง ถวายแด่พระ-
เถระองค์หนึ่ง เอาอ้อยสามลำผูกเป็นสังเขปว่าไม้สามเส้า แล้วมุงด้วยหญ้า